ควบคุุมเนื้อหาทางการเมือง ขยายเวลาการถือครองคลื่นความถี่ แทรกแซงขั้นตอนการสรรหา กสทช. และการตัดสินใจของ กสทช. 6. ความพยายามเข้ายึดองค์กรอิสระ รวมแล้วอย่างน้อย 17 ฉบับ เช่น การกำหนดวิธีการสรรหา และกรรมการสรรหา ป. ป. ช. ระหว่างยังไม่มีรัฐธรรมนูญ, การต่ออายุให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่หมดวาระ, การขยายวาระให้กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน, การให้ กกต. พ้นจากตำแหน่ง ฯลฯ 7. ความพยายามควบคุมการเลือกตั้ง รวมแล้วอย่างน้อย 3 ฉบับ เช่น การแก้ไขกฎหมายเลือกตั้ง ยกเลิกการทำ Primary Vote, การขยายเวลาให้พรรคการเมืองทำกิจการทางธุรการ, การสั่งห้ามหาเสียงออนไลน์, การให้อำนาจ กกต. แบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ได้ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเรื่องที่ไม่สามารถจัดหมวดหมู่ได้ เช่น ในประเด็นการปฏิรูปตำรวจ หรือการปฏิรูปองค์กรกำกับดูแลด้านพลังงาน ก็มีคำสั่งหัวหน้า คสช. หลายฉบับที่เกี่ยวข้อง แต่ยังไม่เห็นทิศทางการเดินหน้าปฏิรูปที่ชัดเจน คำสั่งหัวหน้า คสช. อีกอย่างน้อย 20 ฉบับ เป็นเรื่องการแต่งตั้งหรือถอดถอนคณะกรรมการเพื่อดำเนินกิจการต่างๆ ทั้งองค์กรที่มีอยู่แล้วและตั้งขึ้นใหม่ และคำสั่งหัวหน้า คสช. อีกหลายฉบับยังเขียนขึ้นเพื่อหวังจะแก้ปัญหาไปเป็นเรื่องๆ ไป เช่น ปัญหาการจุดพลุช่วงปีใหม่ ปัญหาราคาสลากกินแบ่ง ปัญหาร้านเหล้าใกล้สถานศึกษา ปัญหาหาบเร่แผงลอย ปัญหาการบุกรุกป่า ปัญหาการบินพลเรือน ฯลฯ เป็นเวลาล่วงเข้าปีที่ 5 ของ คสช.
มีกองกำลังอาวุธทางกายภาพยึดอำนาจปกครองประเทศ คือ เป็นเผด็จการ จริงๆแล้วไม่จำเป็นต้องใช้กฎหมายก็ได้ แต่กลับเลือกใช้มาตรการทางกฎหมายตลอด 5 ปีที่ผ่านมา โดยระบอบคสช. ใช้มาตรการทางกฎหมายหลายรูปแบบ โดยรูปแบบที่ 1 การพยายามแปลงความต้องการของคสช. ให้เป็นกฎหมายด้วยการออกประกาศคำสั่งหัวหน้าคสช. อยากได้อะไรก็เขียนลงในกระดาษและลงนามโดยพล. ประยุทธ์ ให้มีค่าบังคับตามกฎหมาย หรือแม้จะมีรัฐธรรมนูญชั่วคราวแต่ก็ให้มีสนช. ที่มาจากคสช. เพื่อให้สนช. ตราเป็นพระราชบัญญัติ ไม่ว่าจะทำด้วยวิธีการใด เบื้องหลังการถ่ายทำทั้งหมดก็คือเงาทมึฬอำนาจของคสช. รูปแบบที่ 2 เมื่อมีการออกกฎหมายมาแล้วก็จะบังคับใช้ เพื่อจะบอกว่าทุกอย่างที่คสช. ทำเป็นไปตามกฎหมาย บรรดาคำสั่งทั้งหลายเป็นการเอากฎหมายไปห่อหุ้มปืน เอาความต้องการของคสช. ไปแปลงรูปเป็นกฎหมายเพื่อบังคับใช้ เช่น คสช. ไม่อยากให้ใครชุมนุมก็ออกประกาศห้ามชุมนุมและให้มีโทษทางอาญา เป็นต้น คสช. ใช้อำนาจทั้งหลายเรื่องและไม่อยากให้ใครมาตรวจสอบและไปโต้แย้งที่ศาล จึงเขียนป้องกันตัวเองไว้ว่าทุกอย่างชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญนิรันดร์กาล ต่อให้ใครไม่เห็นด้วยก็ทำอะไรไม่ได้ และรูปแบบที่ 3 คสช.
ปกติได้ แต่หากรัฐบาลใหม่อยากจะยกเลิกหรือแก้ไขก็สามารถดำเนินการได้ ต่ออายุบอร์ดกสทช. ทั้งนี้ หลังจากได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2562 พล. ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้าคสช. ได้ลงนามคำสั่ง ม. 44 ระงับการสรรหา "คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ" หรือ กสทช. ไปจนกว่าจะมีกฎหมายใหม่ โดยยืดอายุการทำงานของ คณะกรรมการ กสทช. ชุดปัจจุบันที่จะมีอายุเกิน 70 ปี เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องระหว่างรอแก้ไขกฎหมายจัดสรรคลื่นความถี่ฉบับใหม่ อีกฉบับเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2562 เรื่องมาตรการส่งเสริมและพัฒนามาตรฐานการประกอบธุรกิจโรงแรมบางประเภท เพื่อปลดล็อกปัญหาและแก้ไขปัญหาโรงแรมเถื่อน รายงาน โดย ทีมข่าวการเมือง หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3480 ระหว่างวันที่ 20 - 22 มิถุนายน 2562
ค่ำวานนี้ (9 ก. ค. ) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ได้ออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 9/2562 โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราวปี 2557 ที่ได้รับการรับรองให้ยังสามารถใช้อำนาจได้ต่อเนื่องในรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ซึ่งเป็นฉบับปัจจุบัน สาระสำคัญคือการยกเลิกประกาศ-คำสั่ง คสช. และคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่หมดความจำเป็นตามบัญชีแนบท้ายในคำสั่ง และนี่คือ 6 เรื่องสำคัญที่ควรรู้ และต้องจับตาต่อไป
20 มิ. ย. 2562 เวลา 5:30 น. 3. 9k นับตั้งแต่วันหย่อนบัตรเลือกตั้ง ส. ส. เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ประเทศไทยได้เดินเข้าสู่วิถีประชาธิปไตยอย่างเต็มรูปแบบ วันนี้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส. ) และสมาชิกวุฒิสภา (ส. ว. ) มาปฏิบัติหน้าที่ ล่าสุดในการประชุมร่วมรัฐสภา ได้ลงมติเลือก พล. อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกสมัย และรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา เกิดกระแสเรียกร้องพุ่งเข้าใส่ "พล. ประยุทธ์" ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช. ) ต้นกำเนิดของ "แม่นํ้า 5 สาย" ให้ยุติบทบาท และยุติการใช้อำนาจพิเศษของตัวเองลง หรือ "ปิดสวิตช์ คสช. " วาทกรรมรายวันที่นักการเมืองนำมาใช้กันอยู่ในขณะนี้ หากพลิกดูรัฐธรรมนูญปี 2560 ใน "บทเฉพาะกาล" ได้บัญญัติเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของ อำนาจหน้าที่ รวมถึงการสิ้นสภาพของ "ครม. ประยุทธ์ 1" และ "คสช. "